ส่องประวัติ Rolex Submariner เพื่อนคู่ใจนักดำน้ำ สู่ตำนานสายลับ James Bond

Rolex Submariner เป็นนาฬิกาในตำนานที่สร้างขึ้นสำหรับนักดำน้ำโดยเฉพาะ โดดเด่นด้วยความทนทานและฟังก์ชันที่ตอบโจทย์การใช้งานในสภาพแวดล้อมสุดโหดใต้น้ำ นาฬิกาเรือนนี้เริ่มต้นในปี 1953 ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของนาฬิกาดำน้ำยุคใหม่ โดยมาพร้อมกับนวัตกรรมขอบตัวเรือนแบบหมุนได้ (Rotatable Bezel) ที่ช่วยให้การจับเวลาใต้น้ำทำได้อย่างง่ายดายและปลอดภัย จากนั้นจึงพัฒนาจนเป็นที่โด่งดังและกลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมป๊อป เมื่อมันได้ไปโลดแล่นในภาพยนตร์สายลับชื่อดังอย่าง 007 ตอกย้ำถึงความแข็งแกร่ง ความคลาสสิก และความลึกลับของ Rolex Submariner ที่ยังคงเป็นเพื่อนคู่ใจของนักผจญภัยในทุกยุคสมัย บทความนี้จะพาไปส่องประวัติ ทำความรู้จักให้มากขึ้นกัน!

ปี 1953 จุดเริ่มต้นนาฬิกาดำน้ำ

ในปี 1953 Rene P. Jeanneret ผู้บริหารและนักดำน้ำสมัครเล่นของ Rolex ได้ริเริ่มแนวคิดการสร้างนาฬิกาดำน้ำโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นไอเดียที่ถูกนำไปพัฒนาอย่างจริงจัง เนื่องจาก Rolex มีชื่อเสียงด้านนาฬิกากันน้ำอยู่แล้วจากนวัตกรรม Oyster Case และในปีเดียวกัน Rolex ได้ทดสอบนาฬิการุ่นต้นแบบ Rolex Submariner ในภารกิจดำน้ำทำลายสถิติโลก ผลปรากฏว่านาฬิกายังคงทำงานได้อย่างสมบูรณ์แม้จะดำลงไปลึกถึงกว่า 3,000 เมตร นอกจากนี้ Jacques Cousteau นักสำรวจชื่อดังยังได้สวม Rolex Submariner ตลอดการถ่ายทำสารคดี The Silent World ทำให้นาฬิกาได้เผยโฉมสู่สาธารณะเป็นครั้งแรก มีจุดเด่นที่เม็ดมะยมขนาดใหญ่ถึง 8 มม. ติดตั้งด้วยระบบกันน้ำสามชั้น Triplock ทำให้ได้รับฉายาว่า “Big Crown Submariner” ด้วยรูปลักษณ์และฟังก์ชันที่ออกแบบมาเพื่อการดำน้ำลึกโดยเฉพาะ

Rotatable Bezel เทคโนโลยีเพื่อนักดำน้ำตัวจริง

หัวใจสำคัญของ Rolex Submariner คือขอบหน้าปัดแบบหมุนได้ (Rotatable Bezel) ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่ออกแบบมาเพื่อนักดำน้ำโดยเฉพาะ สำหรับความปลอดภัยและประโยชน์สูงสุดใต้ท้องทะเล โดยก่อนดำน้ำ นักดำน้ำจะหมุนขอบหน้าปัดเพื่อตั้งสัญลักษณ์รูปสามเหลี่ยมที่ตำแหน่ง 0 ให้ตรงกับเข็มนาที จากนั้นขอบหน้าปัดจะทำหน้าที่เป็นตัวจับเวลาใต้น้ำ ช่วยให้ติดตามได้ว่าใช้เวลาไปนานเท่าไรแล้ว และสามารถกำหนดช่วงเวลาสำหรับหยุดพักเพื่อลดแรงดัน (Decompression Stop) ก่อนขึ้นสู่ผิวน้ำได้อย่างแม่นยำ เทคโนโลยีนี้จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้นักดำน้ำสามารถควบคุมเวลาและวางแผนการดำน้ำได้อย่างปลอดภัยสูงสุด

ดีไซน์ที่โดดเด่น ไร้กาลเวลา

Rolex Submariner ได้รับการออกแบบให้มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นและไม่เหมือนใคร แม้จะเป็นนาฬิกาสำหรับดำน้ำ แต่ยังคงความสง่างามและความหรูหราตามแบบฉบับของ Rolex โดยนาฬิกาเรือนนี้มาพร้อมตัวเรือนที่แข็งแกร่งและขอบหน้าปัดแบบหมุนได้ที่มีหลายสีสันและเฉดให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นหน้าปัดสีดำที่ให้ความรู้สึกสปอร์ต หน้าปัดสีน้ำเงินเข้ม Royal Blue ที่สื่อถึงท้องทะเลได้อย่างมีชีวิตชีวา นอกจากนี้ ขอบหน้าปัดยังถูกผลิตให้มีลักษณะโค้งมนเพื่อช่วยให้จับได้ง่ายแม้ยามสวมถุงมือดำน้ำ ด้วยดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์และฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ ทำให้ Rolex Submariner ไม่เพียงเป็นที่นิยมในหมู่นักดำน้ำ แต่ยังสร้างแรงบันดาลใจในการออกแบบนาฬิกาดำน้ำให้กับแบรนด์อื่นๆ อีกมากมาย

เพื่อนคู่ใจสายลับ James Bond

นับตั้งแต่ปรากฏตัวครั้งแรกในภาพยนตร์ Dr. No ปี 1962 Rolex Submariner ก็กลายเป็นนาฬิกาคู่ใจของสายลับ James Bond โดย Sean Connery ผู้รับบทเป็น James Bond สวมนาฬิการุ่น Rolex Submariner Ref. 6538 หรือที่รู้จักกันในฉายา “Big Crown” ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่นและเม็ดมะยมขนาดใหญ่ นาฬิกาเรือนนี้จึงทำหน้าที่เป็นทั้งเครื่องมือจับเวลาที่เชื่อถือได้ในภารกิจอันท้าทาย ฉากดำน้ำลึก และยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความสง่างามและความลึกลับของสายลับเจ้าเสน่ห์อีกด้วย Rolex Submariner ยังคงถูกนำมาใช้ในภาพยนตร์ภาคต่ออย่าง From Russia With Love และ Goldfinger ทำให้มันกลายเป็นไอคอนแห่งวัฒนธรรมป๊อปและได้รับความนิยมอย่างสูงในวงการนาฬิกาหรูจนกลายเป็นตำนานที่ยังมีลมหายใจ

 

จากตำนานนาฬิกาดำน้ำเรือนแรกของโลก Rolex Submariner โดดเด่นด้วยความทนทานและฟังก์ชันที่ตอบโจทย์การใช้งานในสภาพแวดล้อมสุดโหดใต้น้ำ เริ่มต้นในปี 1953 เมื่อ Rolex นำนาฬิการุ่นต้นแบบไปทดสอบในภารกิจทำลายสถิติโลกของการดำน้ำและยังได้ไปปรากฏในสารคดี ทำให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง โดยหัวใจสำคัญของนาฬิการุ่นนี้คือขอบหน้าปัดแบบหมุนได้ (Rotatable Bezel) ทำหน้าที่เป็นตัวจับเวลาใต้น้ำเพื่อความปลอดภัยของนักดำน้ำ นอกจากคุณสมบัติทางเทคนิคที่ยอดเยี่ยมแล้ว Rolex Submariner ยังมีดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์และยังได้กลายเป็นนาฬิกาคู่ใจของสายลับ James Bond ทำให้มันเป็นมากกว่าแค่นาฬิกา แต่เป็นสัญลักษณ์แห่งความสง่างามที่กลายเป็นตำนานอมตะ