ผมเชื่อว่าหลายคนตอนอายุใกล้ 30 คงเคยได้ยินกับคำว่า Middle life stuckผมขอพูดถึงกรณี คนที่ไม่นอกใจแฟน ไม่กล้าทำธุรกิจ และยังรู้สึกว่า อนาคตตัวยังไม่มั่นคงช่วงอายุวัยนี้ คนส่วนมาก หนึ่งในนั้นคือผม ที่เริ่มต้องวางแผน แต่งงาน มีครอบครัวต้องการความก้าวหน้า ซึ่งปัจจัยนึงที่หนีไม่พ้น คือ ทุนทรัพย์ และหลักประกัน
แต่สำหรับการวางแผนไปถึงอนาคต และพิจารณาเงินเดือนที่ผมได้รับ ผมบอกตามตรงว่ายังไม่พอ ถ้าอยากสุขสบายตอนแก่ ครั้นจะออกไปทำธุรกิจส่วนตัว ความกลัวจะล้ม แล้วแฟนทิ้งมันมากเกิน และอายุก็เริ่มยาก ถ้าออกไปทำแล้วจะกลับมาทำงานบริษัทอีกก็หางานยากสู้ทำงานกินเงินเดือนแบบนี้มั่นคงปลอดภัย (กรุณาอย่าหลังไมค์มาชวนขายประกันหรือขายตรง ผมด่านะ บอกเลย) ประกอบกับผมมี Passion ในงานที่ทำ ผมก็เลยยังทุ่มเท และเชื่อว่าสายงานนี้ก็จะดีมากตอนผมแก่ตัว เพียงแต่ที่ปัจจุบันอาจจะยังไม่ให้ความสำคัญมากนัก ดังนั้นผมก็เลยได้ลองหางานใหม่ เป็นงานที่ต่อยอดความรู้เดิม100% กับต้องฝึกฝนใหม่80%
เพื่อต่อยอดความรู้เดิมที่มี และเสริมเพิ่มเติมจากงาน ผมขอทุนที่บริษัทส่งผมเรียนเพิ่มวันเสาร์อาทิตย์อย่างละครึ่งวัน บวกกับผมลงเงินจ่ายเงินสอบใบประกอบวิชาชีพเป็นเงินหลายหมื่นบาท มันมีหมวดทั้งหมด 6 หมวดย่อยๆ หมวดละ ประมาณ 600 หน้า ไม่รวมโจทย์ที่ต้องทำเพิ่มที่สำคัญมันเป็นภาษาอังกฤษที่ผมอ่อนแอมาก แต่ผมเชื่อว่าการสอบผ่าน จะทำให้ชีวิตคู่ของผมดีขึ้นซึ่งการสอบมันทำให้ผมต้องทุ่มอ่านหนังสือ ผมทำงานวันจันทร์ถึงศุกร์ 9:00-19:30 จริงๆ 18:00 แต่โดยปกติก็เลิกเลทประจำ เสาร์ครึ่งเช้าผมเรียน อาทิตย์ครึ่งบ่ายผมเรียน ที่ทำงานผมกับแฟนอยู่ไกลกัน 45 Kmและอยู่ในกทม. ซึ่งใช้เวลาเดินทางหากันประมาณ 2 ชม.
“ผมรักแฟนผมมาก ผมอยากให้เขามีอนาคตที่ดี มีความสุขสบายเหมือนที่เขาอยู่กับพ่อแม่ทุกวันนี้ผมอยากประสพความสำเร็จได้รับการยอมรับจากครอบครัว หรือคนอื่นๆในตระกูลผมอยากให้พ่อแม่ภูมิใจกับงาน และดีใจที่มีลูกแบบผม”
แต่ชีวิตมันไม่ง่าย ด้วยเวลาและข้อจำกัดการเดินทางในกรุงเทพผมพยายามบาลานส์ เวลาการทำงาน เวลาการเรียน เวลาการอ่านหนังสือ เวลาให้ได้อยู่กับครอบครัว และเวลาให้แฟน เวลาให้กับเพื่อนเก่าบ้าง
ใจนึงผมสงสารแฟนผมมาก ช่วงที่ผมยังไม่เริ่มเรียน และยังไม่สมัครสอบ ผมขับรถไปหาแฟนวันเสาร์อาทิตย์อยู่ได้กันจนมืด ตระเวนกินโน่นนี่นั่น จนครอบครัวผมก็เริ่มรู้สึกว่า ลืมพ่อแม่
หลังๆ ผมเรียนด้วย การบ้านก็มี สอบก็อ่าน แล้วก็หางานใหม่อีก ความเครียดผมเพิ่มหนักมากจนบางครั้ง ผมไม่กล้าตัดสินใจ ขยับอะไรไปบางอย่างเหมือนจะสะดุดกับปัญหาโน่นนี่นั่นตามมา
เวลาให้แฟนน้อยลง จนตอนนี้ เขาเข้าใจว่าผมไม่อยากเจอเขาแม้เขาจะพูดว่า ไม่เป็นไร ไม่ต้องเอาปัญหาของเรามาคิดหรอก ทำให้เต็มที่เถอะ
เขาบอกว่าสำหรับเขา การคุยโทรศัพท์ คุยไลน์ มันไม่เหมือนการเจอกัน การพูดคุยแบบเจอหน้ามันทำให้เห็นสีหน้าท่าทาง เหมือนเป็นการกระชับความสัมพันธ์
มันทำให้ผมรู้ว่ามันไม่โอเค ผมเคยโดนแฟนเก่าทิ้งไปหาคนใหม่เพราะผมไม่มีเวลาให้
ผมเริ่มกังวลว่า อนาคตมันจะซ้ำรอย ผมไม่รู้จะรักษาสมดุลชีวิตอย่างไร
คนที่ทำงานกันวุ่นวายตลอด คุณรักษาสมดุลชีวิตอย่างไรงาน พัฒนาตัวเอง ครอบครัว แฟน เพื่อน ทำอย่างไรให้สมดุล