ความรักและความอดทนจะทำคนรักกลับมาจริงไหม???


ออกตัวก่อนนะคะว่าอาจจะพิมพ์ตกๆหล่นๆ หรือภาษาอาจจะวิบัติต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย  เรื่องนี้เกิดขึ้นเมือ10 ปี ที่แล้วช่วงนี้เห็นคนรอบข้างมีแต่คนเสียใจเกี่ยวกับเรื่องความรักมากมายเหลือเกินเราจึงอยากจะแบ่งปันเรื่องราวของเรา เป็นอุทาหรณ์สอนใจ ให้กับหลายๆท่านที่มีปัญหาความรัก(โง่ๆ)แบบเดียวกับเรา             เริ่มจากที่เราเข้า กทม  มาหางานทำแล้วก็มาพักกับเพื่อนคนหนึ่ง เราได้งานที่ร้านสะดวกซื้อ ระหว่างที่ทำงานที่นั้นมีมักผู้ชายเข้ามาขายขนมจีบให้เราอยู่บ่อยๆ ( เราก็ไม่ได้สวยอะไรมากมายแต่ก็ไม่ขี้เหล่นะคะ )  แต่เราก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะคนที่เข้ามาขายขนมจีบส่วนใหญ่ มักจะเป็นในซอย       ที่มีลูกมีเมียแล้ว หรือไม่ก็เป็นพวกขี้ยา  พอเราทำงานได้ซักพัก เราเริ่มสังเกตว่ามีคนคอยตามเราตลอดเวลาที่เลิกงานดึกๆ  ระยะทางจากที่ทำงานไปห้องพักไม่ไกลมากสามารถเดินไปกลับได้  จากนั้นถ้าเราเลิกงานดึกเราจะนั่งวินกลับตลอด  แต่ว่าวันนั้นไม่มีวินเลยซักคันแถมเพื่อนก็ยังไม่เลิกงาน  เราจึงตัดสินใจเดินกลับเองก็ได้ว่ะ…แต่ในใจนี้คือแบบว่า…สั่นมากๆเพราะเห็นในข่าวมาเยอะพูดง่ายๆว่าหลอนมากกกกกกถึงมาที่สุด…กลัวทุกสิ่งอย่างคิดในใจกรูจะมาตายแบบนี้ไม่ได้….พ่อแม่ยังไม่สบายเราห้ามเป็นอะไรตอนนี้…คิดได้แบบนั้น…ก็วิ่งหน้าตั้งไม่คิดชีวิตเลยค่ะมีแรงเท่าไหร่ใส่ให้หมด สรุปว่าวันนั้นถึงห้องอย่างปลอดภัยดีคะ..^_^ วันต่อมาเราเลิกงานไว ก็เลยนั่งเล่นอยู่หน้าร้านกับคนรู้จักในซอยมีผู้ชายคนหนึ่งนั่งสูบบุหรี่อยู่ใกล้ๆเราซึ่งเราเหม็นมาก     ซักพักคนที่รู้จักกันก็ถามว่าเรามีแฟนยัง เราก็บอกว่ายังไม่มีแฟน เค้าก็ถามต่อว่าชอบผู้ชายแบบไหน เราบอกว่ายังไงก็ได้ขอให้รักเรา..และที่สำคัญเราไม่ชอบคนสูบบุหรี่….พอผู้ชายคนนั้นได้ยินเค้าก็ทิ้งบุหรี่แล้วเดินลุกหนีไป…ในใจเราคิดว่าเอาแล้วไงเมิงปากหมาพาซวยแล้วไงพูดไรไม่คิดว่ะ… ซักพักคนในกลุ่มที่นั่งคุยกันบอกว่าไอ้คนมะกี้มันแอบแกนะ…มันแอบมองแกตั้งนานแหละแต่มันไม่กล้ามันกลัวแกมีแฟนแล้วเลยให้เรามาถามแกว่าแกมีแฟนรึยัง…คนในกลุ่มก็อวยผู้ชายคนนั้นใหญ่แกลองคุยดูซิแถมยังมันไม่มีแฟนนู้นนี้นั้น….จากนั้นอีกไม่กี่วันผู้ชายคนนั้นก็เข้ามาคุยกับเรา  ไม่ได้จีบนะคะ  มาถามชื่อเราถามนู้นนี้นั้นเราก็ตอบตามมารยาท…พอเราเลิกงานเราก็ผู้ชายคนนั้นยืนอยู่ที่หน้าร้าน วันนั้นเราเลิกงานไม่ดึกก็เลยนั่งเล่นอยู่หน้าร้านกับพี่ๆที่รู้จักกันเค้าก็นั่งอยู่ด้วย ซักพัก ผู้ชายคนนั้นก็เข้ามาคุยมาแนะนำตัวเองว่าชื่ออะไร ทำงานที่ไหน ตอนนี้เราไม่สูบบุหรี่แล้วนะ ระหว่างที่คุยกันเค้าก็ดูโอเครนะ ดูสุภาพเรียบร้อยพูดเพราะ  จากนั้นเราก็คุยกันมากขึ้นเค้าขอไปส่งเราหน้าหอตอนที่เราเลิกงานดึก แล้วเรามารู้ทีหลังว่าไอ้โรคจิตที่ตามเราตอนเราเลิกงานดึกๆก็คือผู้ชายคนนี้….เค้าบอกว่าเค้าเป็นห่วงเลยเดินมาส่งแบบห่างๆ
ขอเรียกผู้ชายคนนั้นว่า  ตี๋ แล้วกันนะคะจากนั้นเรากับตี๋ก็คุยกันมากขึ้นไปรับไปส่งกันตลอดคือพูดง่ายๆว่าชีวิตดี๊ดี ขนาดกินมาม่าตี๋ยังจะป้อนเรา ถ้าไม่ป้อนนี้โกรธนะ…ดูแลเอาใจใส่เราดีมากกกกกกก…ไปรับไปส่งเราตลอดเวลาซ้อนมอไซต์จะให้เรานั่งหน้าตลอด…จนทำให้เราไม่คิดระแวงอะไรเลยแถมเค้าเป็นสุภาพบุรุษ…พูดจาเพราะ…ขยันทำงานทำโอทีเราไม่เคยเจอใครแบบเค้าเลยตอนนั้นเรารู้สึกว่าเราโชคดีมากๆเลยที่ได้เจอคนแบบนี้  มันจึงทำให้เรารักเค้าอย่างหมดหัวใจ  ทำทุกอย่างให้เค้า ดูแลเค้า ทำอาหารให้เค้าทานแถมห่อใส่กล่องให้ไปกินที่ทำงานอีกต่างๆ…..เป็นแบบนี้อยู่ไม่นานคำว่าความสุขของเราก็เริ่มจางหายไปที่ละนิดๆ…เริ่มจากที่เค้าใจร้อนมากขึ้น ขี้หงุดหงิด โมโหร้าย โมโหง่าย เราก็เลยถามว่าทำไหมเป็นแบบนี้หล่ะแรกไม่เห็นเป็นแบบนี้เลย เค้าก้อบอกว่า ตี๋ขอโทษ ตี๋เครียดเรื่องงาน ตี๋อารมณ์ร้อนแบบนี้เพราะครอบครัวไม่อบอุ่นพ่อแม่แยกทางกัน…เลยทำให้เค้าเป็นแบบนี้          (เราคิดในใจพ่อแม่กรูก็แยกกันอยู่นะกรูก็เห็นเป็นเหมือนเมิงเลยว่ะ ) แต่ก็ได้แค่คิดในใจแล้วก็หายไป เพราะว่ารักเค้ามากเราเลยเลือกที่จะมองสิ่งดีของเค้า ( หลอกตัวเองโง่จริงๆ )….สิ่งที่ตามมาติดๆคือ เค้าไม่ค่อยอยู่ห้องบอกทำโออยู่บ่อยๆ…จากที่เคยไปไหนมาไหนด้วยกันกินข้าวด้วยกัน…ตอนนี้แทบไม่มีเวลาคุยกันเลยมีวันหนึ่งเรานั่งกินข้าวอยู่ด้วยนั้น…เรากำลังแกะหอยแครงกินอยู่เค้าก้อตีขาเราอย่างแรง จนขาเราแดงเป็นรอยฝ่ามือครบห้านิ้ว เรานี้น้ำตาล่วงเลยคะ…เราถามว่าตีเราทำไหมเค้าบอกว่าเธอกินหอยอยู่คนเดียวตี๋แกะกินไม่ทัน…เรานี้อึ้งมากเลยคะเรื่องแค่นี้เนี๊ยนะเมิงถึงขั้นตีขากรูเลยเหรอ (คิดในใจ )…นี้คือครั้งแรกที่เราลงไม้ลงมือกับเรา?.จากนั้นความรักของเราก็สุขบ้างทุกบ้างปนๆกันไป…ถึงแม้จะมีคนคอยบอกให้เราถอยห่างออกจากผู้ชายคนนี้ซะ…แต่เราก็ไม่เชื่อยังดื้อที่จะครบกับผู้ชายคนนี้ต่อไป