ความรักเป็นเรื่องของคนสองคน แต่ถ้ามาถึงจุดหนึ่งที่คนสองคนต้องการสร้าง
ครอบครัวด้วยการแต่งงาน แค่ความรักอย่างเดียวอาจไม่พอ จริงอยู่ที่หลายคน
แย้งว่าสิ่งสำคัญที่สุดในการแต่งงานก็คือความรัก แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้เช่นกัน
ว่าเรื่องของครอบครัว
ความเหมาะสม และจารีตประเพณี มีส่วนสำคัญเป็นอย่างมาก ถ้าทุกอย่างราบรื่น
ชีวิตคู่ก็คงไม่มีปัญหา แต่ก็มีอีกหลายคู่ที่ต้องกุมขมับโดยเฉพาะเรื่องของ
สินสอดทองหมั้น
แต่งงานทั้งทีควรมีค่าสินสอดเท่าไหร่?
เป็นคำถามที่ทางฝ่ายเจ้าบ่าวและเจ้าสาวต้องแอบคิดกันอยู่หลายตลบ จริง
อยู่ที่ความรักตีค่าเป็นเงินไม่ได้ แต่ตามประเพณีเงินส่วนนี้ยังไงก็ต้อง
มี ขึ้นอยู่กับว่ามากหรือน้อย แต่ถ้าถามว่าเท่าไหร่เรื่องแบบนี้ไม่มี
กฎเกณฑ์ที่ตายตัวขึ้นอยู่กับความพอใจของทั้งสองฝ่าย
ทั้งนี้อาจจะต้องคำนวณจากปัจจัยหลายๆ อย่างเข้าด้วยกัน โดยเฉพาะเรื่องของ
ความพร้อมทางฝั่งเจ้าบ่าวและข้อเรียกร้องของทางฝั่งเจ้าสาว ยังมีเรื่องของ
หน้าตาของทั้งสองฝ่าย โดยสามารถคำนวณง่ายๆ จากปัจจัยดังนี้
-
รายได้ของทางเจ้าบ่าวและเจ้าสาว
การเรียกค่าสินสอดส่วนใหญ่จะเป็นการเรียกที่คำนึงถึงความสมน้ำสม
เนื้อ โดยส่วนใหญ่แล้วถ้าฝ่ายชายมีรายได้มากก็จะมีความเต็มใจในการจ่ายค่า
สินสอดให้ฝ่ายหญิงได้มากขึ้น ในขณะเดียวกันถ้าฝ่ายหญิงมีรายได้มากก็ต้องการ
ได้ค่าสินสอดมากขึ้นเช่นเดียวกัน
-
อายุของเจ้าบ่าวและเจ้าสาว
เรื่องของอายุก็มีความเกี่ยวข้องกับรายได้ ในกรณีที่เจ้าบ่าว เจ้าสาว
อายุยังน้อย ซึ่งก็หมายความว่าเค้าอาจจะมีรายได้ยังไม่มากนัก และยังไม่
สามารถหาเงินมากพอมาจ่ายค่าสินสอดแพงๆ
ค่าสินสอดก็จะไม่มากเท่ากับคนที่มีรายได้มั่นคง และส่วนใหญ่คนที่มีรายได้
มั่นคงก็จะเป็นคนในวัยทำงานหรืออายุวัยกลางคนเข้าไปแล้ว
-
ภูมิลำเนา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าอาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานคร ก็มีแนวโน้มว่าค่าสินสอดจะแพงขึ้นตามค่าครองชีพไปด้วย
-
การศึกษา
เรื่องของการศึกษานั้นก็มีความเกี่ยวข้องกับรายได้ โดยเฉพาะถ้าทางฝั่ง
เจ้าสาวเรียนจบปริญญาตรีขึ้นไป ก็ไม่แปลกอะไรถ้าค่าสินสอดที่ควรจะให้จะ
เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
-
ตำแหน่งหน้าที่การงาน
ถึงจะบอกว่าเรื่องเงินไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุดในการแต่งงาน แต่ยังไงเรา
ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องของหน้าตาในสังคมก็เป็นสิ่งสำคัญ การจ่ายค่าสินสอด
ให้สมน้ำสมเนื้อกับสถานะ ก็เหมือนเป็นการให้เกียรติฝ่ายหญิงไปในตัว
-
ภาระค่าใช้จ่ายในครอบครัว
ในกรณีที่ฝ่ายเจ้าสาวมีธุรกิจครอบครัวมีรายได้ที่มั่นคง เรื่องนี้อาจไม่
ใช่ประเด็นใหญ่ แต่ถ้าฝ่ายเจ้าสาวมีพ่อแม่ที่ต้องเลี้ยงดู และเป็นเสาหลัก
สำคัญของบ้าน ค่าสินสอดนี้ก็มีความจำเป็นสำหรับบ้านของฝ่ายเจ้าสาว
เรื่องของเงินสินสอดทองหมั้น บางคนอาจมองว่าค่อนข้างสูงและไม่จำเป็น
แต่สิ่งนี้เป็นเหมือนกุศโลบายของคนในสมัยโบราณ เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้
ฝ่ายชายหนีการแต่งงาน แต่ในสมัยนี้สินสอดทองหมั้นอาจเป็นแค่เครื่องการันตี
สำหรับครอบครัวของฝ่ายเจ้าสาว ว่าฝ่ายเจ้าบ่าวนั้นจะสามารถเลี้ยงดูลูกของ
เราได้ โดยเงินค่าสินสอดทองหมั้นนั้นอาจจะนำมาเป็นทุนในการเริ่มต้นชีวิตคู่
โดยทางฝ่ายพ่อแม่ของเจ้าสาวอาจจะไม่ได้เก็บเงินสินสอดนั้นไว้เลยก็เป็นได้
เช่นการซื้อบ้านเพื่อเป็นเรือนหอ
แต่สำหรับบางบ้าน เก็บค่าสินสอดนี้เป็นค่าน้ำนมแม่ หรือค่าเลี้ยงดู ซึ่ง
สิ่งเหล่านี้ก็แล้วแต่จะตกลงกัน ซึ่งตามปกติแล้วค่าสินสอดไม่ควรต่ำ
กว่า100,000 บาท
สำหรับเรื่องของค่าใช้จ่ายในการจัดแจงเรื่องค่าสินสอด
รวมไปถึงค่าเตรียมงานแต่งงาน งานหมั้น
งานเลี้ยงแต่งงานหรืองานฉลองสมรส อันนี้ก็ต้องคิดแยกต่างหาก ซึ่งในปัจจุบัน
นี้ถ้าคิดจะแต่งงานแบบหรูหราอลังการ ขอบอกว่าเงินจำนวน 1 ล้านบาทก็เอาไม่
อยู่!
สำหรับคนที่คิดจะแต่งงานในเร็ววันนี้นอกจากค่าสินสอดที่จะต้องเตรียมแล้ว
ยังมีค่าเตรียมงานแต่งงานและอื่นๆอีกจิปาถะ เช่น
? ค่าชุดแต่งงาน
ยิ่งชุดหรูหรา มาจากแบรนด์ดังเท่าไหร่ก็ยิ่งแพงขึ้นเท่านั้น ชุดของฝ่าย
เจ้าบ่าวยังไม่เท่าไหร่แต่ชุดของเจ้าสาวเนี่ยสิ
ถ้าเป็นการเช่าชุดก็อาจอยู่แค่หลักหมื่นต้นๆ แต่ถ้าใครอยากได้หลายชุดและ
เป็นแบรนด์ดังด้วยแล้วพูดเลยว่าหลักแสนก็เอาไม่อยู่
? ค่าทำการ์ดเชิญวันแต่งงาน
ค่าการ์ดเชิญวันแต่งงานโดยปกติแล้วจะมากกว่า 10 บาทต่อชิ้น ซึ่งเราก็จะ
ได้การ์ดคุณภาพสวยงามตามราคาที่จ่าย
การเลือกใช้กระดาษ การปั๊มนูน หรือถ้ามีลวดลายอะไรพิเศษก็ต้องแพงขึ้น
? ค่าของชำร่วยวันแต่งงาน
ราคาก็มีตั้งแต่ 10 บาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับการออกแบบและความคิดสร้างสรรค์
ของเจ้าของงาน จะเป็นแบบซื้อสำเร็จ หรือว่าสั่งทำก็สุดแล้วแต่งบประมาณ
? ค่าถ่ายรูปพรีเวดดิ้ง
คนที่ต้องการรูปพรีเวดดิ้งสวยๆ
เอาไว้โชว์ในวันแต่งงาน ก็ต้องไปจ้างสตูดิโอถ่ายภาพหรือบางทีก็อาจจะมี
package รวมวิดีโอพรีเซนเทชั่นให้ด้วย
ถ้าได้ช่างภาพหรือสตูดิโอที่รู้จักกันก็จะได้ราคาถูก แต่ถ้าเน้นคุณภาพก็
ต้องจ้างมือโปรฯ แบบนี้ต้องเตรียมเงินเป็น100,000
? ค่าช่างภาพในงานแต่งงาน
เมื่อมีรูปถ่ายพรีเวดดิ้งแล้ว ในงานแต่งงานก็ต้องมีช่างภาพเพื่อเก็บภาพแห่งความประทับใจ
อย่างที่บอกไว้ว่าถ้ารู้จักช่างภาพ หรือไม่ได้ซีเรียสกับเรื่องภาพถ่าย
อะไรมากนัก ค่าใช้จ่ายตรงจุดนี้ก็อาจจะไม่แพง
แต่ถ้าต้องการแบบมือโปร บางบริษัทก็คิดราคาเป็นชั่วโมงขึ้นอยู่กับความต้อง
การของเรา ว่าต้องการใช้บริการอะไรบ้าง ส่วนเรื่องราคานั้นก็อยู่ที่
20,000 บาทขึ้นไป
? ค่าเช่าและตกแต่งสถานที่สำหรับงานแต่งงาน
ยิ่งงานแต่งงานถูกจัดขึ้นในโรงแรมหรือสถานที่ชื่อดัง มีความหรูหรามาก
ขึ้นเท่าไหร่ ราคาก็จะยิ่งแพงขึ้นเท่านั้น
รวมไปถึงอุปกรณ์ตกแต่งภายในงาน ค่าดอกไม้ ค่าตกแต่งโต๊ะเก้าอี้ ทั้งหมดนี้
รวมไปถึงพนักงานดูแลต้อนรับ อาจมีค่าใช้จ่ายตั้งแต่หลัก 1,000 ไปจนถึง
หลัก 100,000 เลยทีเดียว
? ค่าแต่งหน้าทำผม
วันแต่งงานเจ้าบ่าวเจ้าสาวจะต้องดูสวยและหล่อที่สุด เพราะฉะนั้นเรื่อง
ของลุคเสื้อผ้าหน้าผมจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยต้องคุยกับช่างให้ชัวร์ก่อนว่าจะ
จ้างให้แต่งหน้าเฉพาะช่วงเช้างานหมั้นหรือว่างานเลี้ยงตอนเย็นด้วย จะแต่ง
หน้าให้เฉพาะเจ้าสาวอย่างเดียวหรือรวมเจ้าบ่าวและแม่เจ้าสาวด้วย ช่างแต่ง
หน้าแต่ละคนจะมีราคาตั้งเป็นของตัวเอง ส่วนใหญ่แล้วก็จะอยู่ที่ 5,000 บาท
ขึ้นไป แต่ถ้าต้องการใช้ช่างแต่งหน้าชื่อดังก็เป็นหลักหมื่น
? ค่าอาหารในงานแต่งงาน
ขึ้นอยู่กับว่าเราจัดงานอยู่ที่สถานที่ใด
ตามปกติแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 300 บาทต่อ 1 ท่าน แต่ถ้าเลือกเมนูพิเศษมีราคา
แพง ราคาก็จะพุ่งสูงตามไป
อ่านมาถึงตรงนี้เชื่อว่าหลายคนน่าจะเริ่มรู้สึกกลัวๆ ขึ้นมาบ้าง
เพราะการสร้างครอบครัวใหม่
ด้วยการแต่งงานนั้นจำเป็นจะต้องมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ เข้ามาอีกมากมาย
เรื่องของค่าใช้จ่ายในงานแต่งงานนั้นเป็นแค่จุดเริ่มต้น
หลังจากนี้ยังต้องมีอะไรอีกหลายอย่างถาโถมเข้ามา
ทางที่ดีที่สุดก็คือการเตรียมตัวรับมือกับปัญหาทุกอย่าง
ด้วยการเก็บเงินไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ หรือถ้าใครไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นที่ตรงไหน
ขอแนะนำให้ไปอ่าน 14 ข้อคิดเก็บเงินสร้างครอบครัว เพื่อชีวิตคู่
อย่างน้อยเราก็ยังมีตัวช่วยกำหนดทิศทาง
ในการเตรียมตัวก่อนการสร้างครอบครัว เรื่องแบบนี้ต้องคิดให้รอบคอบ
ไม่อย่างนั้นหากผิดพลาดอะไรไป
ไม่เพียงแค่ตัวเราเท่านั้นแต่มันจะกระทบไปถึงคนที่เรารักด้วย