โบราณว่าไว้ หากได้ยินเสียงทัก หรือ มีคนมาเรียกตอนกลางคืน อย่าขานรับ ถ้าไม่อยากเจอดี!!

เคยได้ยินไหม โบราณว่าไว้ หากได้ยินเสียงทัก หรือ มีคนมาเรียกตอนกลางคืน อย่าขานรับ หรือ ตอบกลับ เด็ดขาดเพราะคนโบราณเชื่อว่า อาจจะเป็นสิ่งลี้ลับที่มองไม่เห็นจะนำความโชคร้ายมาให้

 

ตามตำราไทยได้กล่าวไว้ต่ออีกว่าคนในสมัยก่อนมีความเชื่อในเรื่องการศึกษาเล่าเรียนวิชา ไสยศาสตร์ คาถาอาคม โดยเมื่อถึงวันสำคัญตามความเชื่อของผู้ที่เรียน ก็จะมีการปล่อย ของ ซึ่งในที่นี้หมายถึง คาถาอาคม ผี หรือเวทมนตร์ต่าง ๆ ออกไปเพื่อทดลองวิชา และเมื่อของ ผี หรือเวทมนตร์ดังกล่าวไปถูกหรือกระทบกับสิ่งหนึ่งสิ่งใด จะเกิดเสียงดังเปรี้ยงปร้าง หากใครทัก ของนั้นจะเข้าตัวคนที่ร้องทัก ซึ่งอาจเป็นตะปู หรือ หนังควายเข้าท้อง ทำให้เจ็บป่วยหรือตายได้ ฟังแล้วน่ากลัวมาก ดังนั้นในตอนกลางคืน หากมีใครมาเรียกหรือมีเสียงอะไรที่แปลกๆคนสมัยก่อนจะเงียบไม่ขานรับนอกจากจะแน่ใจว่าเป็นเสียงคนที่คุ้นเคยจึงจะขานรับ

 

แต่ในปัจจุบันคนบางส่วนก็เชื่อกันว่า เป็นเพียงกลอุบายของคนโบราณที่ต้องการให้ลูกหลานเกรงกลัว เพื่อให้รู้จักระมัดระวังภัยอันตรายในตอนกลางคืนเพราะอาจมีคนมาทำร้าย และขานเรียกเพื่อให้ออกไป

 

อีกทั้งยังมีเรื่องที่เล่าขานกันต่อมาว่า ในสมัยก่อน เวลาที่จะสร้างเมือง จะต้องมีเสาหลักเมืองอยู่สี่มุมเมือง ขุดหลุมขนาดคนลงไปได้ และมีไม้ซุงขนาดใหญ่ที่ใช้ทำเสาหลักเมือง วางอยู่ปากหลุม ทางราชการจะให้ทหารออกไปตามหมู่บ้านในคืนเดือนมืด แล้วตะโกนดังๆเป็นระยะๆว่า อิน.. จัน.. มั่น.. คง.. ถ้าบังเอิญไปตรงกับชื่อใครและไม่ทันฟังให้ถนัดขานรับออกไป ทหารหลวงก็จะจับตัวคนนั้นไป เมื่อครบทั้ง 4 คนแล้วก็จะพาไปประจำหลุมทั้งสี่มุมเมืองและทำพิธีโดยปิดตาทั้งสองข้างบวงสรวง ตามพิธีกรรม จากนั้นก็จะผลักคนโชคร้ายทั้ง 4 ลงไปในหลุม ใช้ไม้ซุงกระแทกลงไปให้คนทั้ง 4 คนนั้นตาย แล้วก็เอาดินกลบ จากนั้นทำพิธีบวงสรวงปลูกศาลคร่อมเสาหลักเมืองไว้ กลายเป็นผีเฝ้ามุมเมือง ฟังแล้วน่ากลัวมาก ดังนั้นในตอนกลางคืน หากมีใครมาเรียกหรือมีเสียงอะไรที่แปลกๆคนสมัยก่อนจะเงียบไม่ขานรับ นอกจากจะแน่ใจว่าเป็นเสียงคนที่คุ้นเคยจึงจะขานรับ คนโบราณได้วางอุบายเล่าเรื่องต่างๆ จึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ห้ามขานรับนั่นเอง