6 เส้นทางรถไฟที่สวยและโรแมนติกที่สุดในยุโรป จนชีวิตนี้ต้องหาโอกาสไปเห็นกับตา
แม้จะใช้เวลาเพิ่มมากขึ้น แต่ด้วยวิวสุดสวยสองข้างทาง
และพื้นที่ในห้องโดยสารที่เราสามารถจะเดินเล่นไปไหนก็ได้ในขบวน
จึงทำให้หลายๆคนนิยมเดินทางด้วยวิธีนี้
วันนี้มาดูกันว่าเส้นทางรถไฟในยุโรปที่ไหนบ้างที่เรารับรองว่าเด็ด
จนคุณวางกล้องไม่ลง
1. The Bernina Express, Switzerland
หนึ่งในเส้นทางที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามของธรรมชาติใน Switzerland โดยเริ่มต้นจากเมือง Chur หรือ St. Moritz ถึง Tirano ในระยะทาง 123 กม. (ประมาณ 4 ชั่วโมง) ใครที่มีโอกาสขึ้นสายนี้จะได้เห็นวิวของภูเขา Swiss Alps ธารน้ำแข็ง รวมไปถึงทะเลสาบ และเมืองเล็กๆต่างๆซึ่งบางส่วนของเส้นทางนั้นยังได้ถูกยกย่องจาก UNESCO World Heritage อีกด้วย Fact: ในหน้าร้อนนั้นสามารถเดินทางต่อด้วยรถบัสจากเมือง Tirano ไปยัง Lugano ได้อีกด้วย
2. The Glacier Express, Switzerland
อีกหนึ่งเส้นทางรถไฟใน Switzerland ที่สวยจนเราขอเพิ่มลงไปอีกในลิสต์ ทางรถไฟสายนี้เริ่มจากเมือง Zermatt ถึง St. Moritzโดยใช้เวลา 7 ชั่วโมงวิ่งผ่านถึง 91 อุโมงค์ และ 291 สะพาน
โดยสองข้างทางนั้นจะทำให้คุณหยิบกล้องออกมาตลอดเวลากับวิวของทุ่งหญ้าสี
เขียว และภูเขาสูง รวมไปถึงความน่าตื่นเต้นที่ได้ไปถึงความสูง 6,600
ฟุตจากระดับน้ำทะเลบนเส้นทาง Oberalp Pass ของ Swiss Alps Fact: นอกจาก The Bernina และ The Glacier Express แล้ว ยังมี The Golden Pass
อีกเส้นทางที่ผ่าน Swiss Alps โดยวิ่งระหว่างเมือง Montreux ถึง Lucerne
เส้นทางรถไฟสุดโรแมนติกของ Austria จากเมือง Innsbruck ถึง Landeck และ Bludenz ซึ่ง
เป็นเส้นทางที่เรียกว่าเชื่อมเมืองระหว่างภูเขาฝั่งตะวันตก
และตะวันออกเข้าด้วยกัน โดยมีมาตั้งแต่ปี 1884 ในส่วนของไฮไลท์ของขบวนนี้
Fact: นอกจาก
Albergline จะเชื่อมต่อภายในประเทศแล้ว ยังเป็นสายเชื่อมต่อไปยัง Zurich
ได้โดยเปลี่ยนขบวนได้ที่เมือง Innsbruck
4. Bergen Line with Fl?m Railway, Norway
เส้นทางกว่า 371 กม.ที่สวยงามระหว่างเมือง Bergen และ Oslo ของ Norway สายนี้นั้นถือว่าเป็นสายที่อยู่ในระดับความสูงที่สุดของยุโรปเหนือ โดยข้ามผ่านที่ราบ Hardangervidda ของ Norway ที่ความสูง 4,057 ฟุตเหนือระดับน้ำทะเล นอกจากนั้นแล้วในช่วงระหว่างเมือง Myrdal ถึง Flam จะมีไฮไลท์ของทางรถไฟที่ชันที่สุดในโลก รวมไปถึงวิวของธารน้ำแข็ง หรือ Fjord ที่ลึกและยาวที่สุดของยุโรปอย่าง Sognefjorden อีกด้วย ใครมา Norway ไม่ควรพลาด
Fact: เส้นทางรถไฟของ Norway ยังมีอีกสายที่สวยงามนั่นคือ The Rauma Railway เหมาะสำหรับคนที่ชอบปีนเขา เพราะว่าหลายๆสถานีของขบวนนี้นั้นเป็นปลายทางของนักเดินทางที่ชื่นชอบการเดินป่า หรือปีนเขาของ Norway
5. Rhine Valley Line, Germany
เส้นทางรถไฟสายโรแมนติกของ Germany ที่รายล้อมไปด้วยไร่ไวน์ของประเทศหรือ Rhine Valley เริ่มต้นจาก Koblenz ถึง Mainz ซึ่งนอกจากจะได้ชมความงามภูมิภาคหลักที่ทำไวน์ของประเทศแล้ว ยังสามารถชื่นชมความงามของแม่น้ำ Rhine และ Moselle ที่มาบรรจบกันที่เมือง Koblenz นอกจากนั้นยังสามารถเดินทางต่อไปยังเมืองใหญ่อย่าง Cologne ได้อีกด้วย Fact: ตลอดเส้นทางของสายนี้ยังมีเมืองน่ารักให้ได้แวะชมเช่น Bacharach, St. Goar และ
R?desheim ถ้าใครมีโอกาสได้ขึ้นรถไฟเส้นทางนี้
แนะนำให้ลองเช็คข้อมูลของตั๋วของคุณดู
เพราะสามารถเปลี่ยนมาขึ้นเรือเพื่อชมวิวสองข้างแม่น้ำได้ด้วย
6. Madrid and Oviedo, Spain
ปิดท้ายด้วย Spain กับเส้นทางจากเมืองหลวง Madrid สู่ Oviedo เมืองหลวงของแคว้น Asturiasทางชายฝั่งตอนเหนือของประเทศ
ตลอดเส้นทางของรถไฟสายนี้รายล้อมไปด้วยหมู่บ้านเล็กๆของสเปนสุดคลาสสิคตาม
แบบฉบับของยุโรปใต้ นอกจากนั้นในช่วงนึงของเส้นทางยังวิ่งผ่านภูเขา Picos de Europa หรือภูเขาชื่อดังทางเหนือของสเปนที่กินพื้นที่ของประเทศไปกว่า 20 กม. Fact: สำหรับคนที่เดินทางถึง Oviedo สามารถเปลี่ยนขบวนเป็นรถไฟชนิดรางแคบ แล้วเดินทางต่อไปสู่ Galicia หรือแคว้น Basque ได้นอกจากเส้น
ทางที่ยกมาข้างต้นแล้ว
ยังมีเส้นทางอีกมากมายในยุโรปที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามหรือโรแมนติก
เพื่อนๆคนไหนที่มีโอกาสมาเที่ยวยุโรปอย่าลืมเช็คโปรแกรม
แล้วหาโอกาสเดินทางด้วยรถไฟดู รับรองว่าแม้จะถึงช้าหน่อย แต่รับรองว่าคุ้ม
Tips: สำหรับใครที่สนใจเดินทางด้วยรถไฟ เราขอแนะนำ www.eurail.com และ www.raileurope.com
สำหรับ Pass ต่างๆในการเดินทาง ส่วนถ้าใครคิดว่าอยากเดินทางเป็นเที่ยว
เราแนะนำว่าใครเข้าไปเช็คเว็บไซต์ของการรถไฟของประเทศนั้นๆ
เพราะเราเคยเจอตั๋วเดินทางที่ถูกมากจนน่าตกใจมาแล้ว
(ควรเช็คล่วงหน้าก่อนเดินทาง)
Author: Narith Kettong Images by: Eurail